top of page

5กองกำลังตะลุมบอนทหารพม่าในเมียวดี ผู้นำ DKBAประกาศขวาง“มินอองลาย”สร้างเขื่อนกั้นสาละวิน




เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวอิรวดี สื่อมวลชนในพม่ารายงานข่าวกรณีความไม่สงบบริเวณพรมแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด จังหวัดตาก ที่มีการสู้รบในพื้นที่พะลู จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาส่งผลให้ประชาชนกว่า 400 คน ต้องหนีภัยมายังฝั่งไทย โดยกองกำลังพิทักษ์ชายแดนของกองทัพพม่า (Border Guard Force :BGF) กำลังรบพุ่งอยู่กับกลุ่มกองกำลังต่างๆ ในพื้นที่ 5 กลุ่ม ได้แก่ กองย่อยของกำลังกะเหรี่ยงพุทธ DKBA, กองกำลังประชาชน (People’s Defense Force-PDF), กองกำลังกะเหรี่ยง KNU/KNLA-PC, กองกำลัง Karen National Defense Organization (KNDO) และกลุ่มแปรพักตร์ของ BGF ซึ่งหนีออกมาพร้อมอาวุธและได้เข้าร่วมต่อสู้ทหารของเผด็จการพม่าในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา และ 5 กลุ่มนี้ได้ร่วมมือกันในหลายพื้นที่ ทั้งพะลู กอกะเร็ก และพื้นที่อื่นๆ ในรัฐกะเหรี่ยง


นายพลจอเท ผู้นำกองพลน้อยของ DKBA ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยที่ปฏิเสธการลงนามข้อตกลงหยุดยิง NCA กับรัฐบาลพม่า ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นใน 2 วันที่ผ่านมา ทหารพม่าได้ยิงปืนค.120 มม. จำนวนมาก และมีการเสริมกำลัง โดยทางฝ่ายกะเหรี่ยงมีหลายกลุ่มสนธิกำลังร่วมกัน รวมทั้งกลุ่ม BGF แปรพักตร์ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้นำได้


“เราร่วมมือกันเพื่อรัฐกะเหรี่ยงและประชาชน หากกองทัพพม่าถอยเราก็ไม่ทำอะไร แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นเราก็จะสู้จนกระทั่งอำนาจอยู่ในมือของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่สถานการณ์ในพื้นที่ตอนนี้ยังไม่สงบ อาจมีการสู้รบต่อเนื่อง”


เมื่อถามถึงความเห็นต่อแผนของพลเอกอาวุโส มินอ่องลาย ที่จะฟื้นโครงการเขื่อนฮัตจี บนแม่น้ำสาละวิน ใกล้บริเวณเมจีหงู่ ซึ่งเป็นพื้นที่ในอิทิธิพลของกองกำลัง DKBA นายพลจอเทกล่าวว่า ประชาชนชาวกะเหรี่ยงล้วนแต่ต่อต้านโครงการเขื่อนนี้ สันติภาพได้ถูกทำลายจากพื้นที่ หากมีการก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินประชาชนจะทุกข์ทรมาน

“ผมไม่เห็นด้วยกับโครงการเขื่อน” นายพลกะเหรี่ยงกล่าว และว่ากองกำลัง DKBA ยังคงสามารถควบคุมพื้นที่เมจีหงู่ใกล้หัวงานเขื่อน หากกองทัพพม่าเข้ามาเพื่อสร้างเขื่อน การสู้รบย่อมเกิดขึ้นแน่นอน และเราก็จะลุกขึ้นสู้


ขณะที่ชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอนริมแม่น้ำสาละวิน เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมายังคงมีเสียงปืนดังขึ้นและมีลูกกระสุนตกใกล้หมู่บ้านท่าตาฝั่งทำให้ทหารไทยต้องยิงปืนเตือน อย่างไรก็ตามล่าสุดศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน แถลงข่าวประจำวันที่ 4 มิถุนายน ระบุว่า หน่วยเฉพาะกิจกรมทาหรราบที่ 7 ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง ดำเนินการสำรวจความเสียหายบริเวณที่เกิดเหตุกระสุนตกเมื่อวันที่ 3 ในพื้นที่ป่าทางทิศใต้ห่างจากหมู่บ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จากการสำรวจไม่มีราษฎรได้รับบาดเจ็บ และไม่มีทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย โดยปัจจุบันยังคงไม่มีการปฏิบัติการทางอากาศในฝั่งพม่าเป็นระยะเวลา35 วัน


ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนม่า ระบุด้วยว่าผู้หนีภัยความไม่สงบชาวพม่าในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวฝั่งไทยได้เดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวน 407 คน ยังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง รวม 138 คน คือ ห้วยจอกลอ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง บ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง บ้านห้วยนา ต.แม่เงา อ.ขุนยวม และห้วยแห้ง ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย โดยราษฎรในพื้นที่บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ที่อาศัยอยู่ในตำบลรวบรวมพลเรือน ได้ทยอยเดินทางกลับ134 คน


ที่มา https://transbordernews.in.th/home/?p=27753

bottom of page